++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

จิตจมอยู่ในโลกนี้

ปลาที่มันอยู่ในน้ำ มันไม่รู้แม้แต่ความเป็นปลาของมันเอง คือไม่รู้ว่ามันเป็นสัตว์น้ำ ปลาไม่มีความรู้ว่าตัวเองเป็นสัตว์น้ำ เพราะเกิดในน้ำ อยู่ในน้ำ และก็ตายในน้ำ แต่แล้วก็ยังไม่เห็นน้ำ เพราะน้ำมันเข้าถึงตาเกินไปจนไม่เห็นน้ำ ไม่มีความรู้สึกที่จะเรียกว่าน้ำเหมือนที่พวกเราเรียกน้ำนั้นว่าน้ำ เพราะฉะนั้นปลาจึงไม่รู้จักตัวเองว่าเราเป็นสัตว์น้ำดังนี้เป็นต้น แล้วปลาจะรู้จักเรื่องบก หรืออยากเป็นสัตว์บกได้อย่างไรกัน

เช่นเดียวกับคนที่เป็นปุถุชนเกินไป หลับหูหลับตามากเกินไปจนไม่รู้ว่าตัวเองเป็นปุถุชน คนพวกนี้เท่านี้ที่ไม่อาจที่จะเข้าใจเรื่องราวพระอรหันต์ซึ่งเป็นบุคคลซึ่งตรงกันข้ามกับปุถุชน แต่ถ้ามีสติปัญญาอยู่บ้าง พอที่จะรู้สึกนึกได้เองบ้าง ความเป็นปุถุชนของตนนั้นเป็นอย่างไรแล้ว ตนก็จะพอเทียบเคียงหรืออนุมานเอาได้ว่า ความเป็นพระอรหันต์นั้นจะเป็นอย่างไร

นี่เป็นอุปมาที่แสดงให้เห็นว่า ทางที่จะก้าวออกไปสู่ความเจริญนั้นมีอยู่ แต่ว่าสัตว์นั้นๆจะต้องมีความคิดความนึก ความช่างสังเกตุ จนกระทั่งรู้สึกความที่ตนตกอยู่ในภาวะที่ต่ำต้อยหรือในวงจำกัดอย่างไร ดังเช่นปลามีความจำกัดที่จมอยู่แต่ในน้ำ รู้อะไร อะไรก็รู้อย่างปลา จะเป็นสัตว์ครึ่งน้ำครึ่งบกขึ้นมาก็จะรู้มากขึ้นไปอีก เป็นสัตว์บกโดยสมบูรณ์ก็รู้มากขึ้นไปอีก เป็นสัตว์ที่เที่ยวไปในอากาศได้ก็รู้มากขึ้นไปอีก

คนเราที่เป็นปุถุชนอย่างหนาแน่นก็เหมือนกับปลานั่นเอง จมอยู่ในน้ำก็เหมือนกับกามคุณ หมายถึงความสนุกสนาน เอร็ดอร่อยของทางวัตถุ ทางเนื้อ ทางหนัง ซึ่งท่านเรียกว่า กามคุณนี้เป็นเหมือนกับน้ำ เป็นผู้ที่จิตจมอยู่ที่เหยื่อของโลกทางวัตถุ ทางเนื้อ ทางหนังเช่นนี้ ตาของตนก็ถูกหุ้มห่ออยู่ด้วยเหยื่อเหล่านั้น ตาจะเห็นแต่เหยื่อเหล่านั้นไม่เห็นอะไรมากไปกว่านั้น จึงเรียกว่าจิตจมอยู่ในโลกนี้

พุทธทาสภิกขุ
มาฆบูชาเทศนา ปี ๒๕๐๑

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น