++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สังคมคนก้มหน้า ( สังคมกระหืดกระหอบ )




                 
                  ในยุคที่วิทยาการดิจิตอลเจริญถึงขีดสุดนี้ภายหลังที่พัฒนาเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมานานหลายสิบปี จนเกิดสังคมออนไลน์ขึ้นมาจากเฟซบุ๊ค อะไรๆทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นในโลกมันช่างรวดเร็วและง่ายดายขึ้นมาก เช่นเด็กๆสมัยนี้อยากจะดูหนังสักเรื่องหนึ่งก็โหลดเอาทางอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแค่ชั่วพริบตา ก็ได้หนังเรื่องนั้นมาดูแล้ว หรือเพลงที่อยากจะฟังเป็นร้อยเพลง แม้กระทั่งพันเพลงก็ทำได้โดยวิธีเดียวกัน
                  จะซื้อของทางอินเทอร์เน็ตที่ผ่านทางเฟซบุ๊คหรือไลน์ ที่มีเพื่อนๆยืนอยู่ที่แหล่งสินค้าไกลสุดขอบโลกก็สามารถถ่ายรูปสินค้ามาให้เลือกสรรค์ผ่านทางโทรศัพท์มือถือและซื้อขายกันได้ดุจเนรมิต
                  ความรวดเร็วต่างในการสื่อสาร โฆษณา ประชาสัมพันธ์ในสมัยนี้จึงได้ผลรวดเร็วและแรง ยอดขายสินค้าจึงได้พรุ่งพรวดกันได้มากก็ผ่านทางอินเทอร์เน็ตนี่แหละ
                  การค้าการขายสินค้าและบริการการ แม้กระทั่งการจ่ายเงินชำระค่าสินค้าก็เช่นกันที่ผ่านสื่อไร้สายนี้...............ก็ช่างง่ายดาย
                  ทุกอย่างเร็วและรีบร้อนตามความอยาก แทบจะเรียกได้ว่าสนองความอยากได้รวดเร็วจนจะทันกัน และสิ่งที่ตามมาก็คือการใช้ชีวิตของผู้คนในโลกใบนี้ในเวลานี้ก็รีบร้อนตามความอยากเช่นเดียวกัน รีบจนหายใจแทบจะไม่ทัน ตั้งแต่เช้าตรู่ยันดึกดื่น
                  บางคนใช้เวลาอยู่บนท้องถนนวันหนึ่งนานกว่าสี่ชั่วโมงเพื่อไปและกลับจากที่ทำงาน คอนโดมีเนียมจึงเป็นทางออกของผู้คนในเมืองหลวงและเมืองใหญ่ในประเทศทั่วโลก และประเทศไทยก็ไม่ได้แตกต่างจากประเทศอื่นเพื่อสนองความรีบและความอยากแทนสิ่งที่เรียกว่าบ้าน
                  อีกไม่นานท่านผู้อ่านอาจจะเห็นตึกแถวเป็นวัตถุโบราณของกรุงเทพไปแล้วหรืออาจจะเปลี่ยนโฉมเป็นรูปแบบอื่นๆไป เพื่อพ้นจากการถูกครอบงำจากนักธุรกิจอาคารสูง ที่ให้ผลตอบแทนมากมาย เพราะที่ดินมีจำกัด ประชากรล้น รถติดแสนสาหัส จนคุณภาพชีวิตในแต่วันของผู้คนเหลือน้อยเต็มที
                  แม้กระทั่งเวลาของครอบครัวที่จะได้ร่วมรับประทานอาหารกันในบ้านสักมื้อนั้นยังยากขึ้นเรื่อยๆ
                   ไม่ว่าจะเป็นอาหารปรุงเอง อาหารที่ทำสำเร็จใส่ถุงขายหรืออาหารแช่เเข็งรอผ่านเตาไมโครเวฟ
                   สิ่งหนึ่งที่เป็นตัวอย่างให้เห็นได้ชัดตาขึ้นทุกวันๆก็คืออาคารสูงที่มีดาษดื่นเต็มกรุงเทพไปทั่วทุกแห่งหน
                   นอกจากรูปธรรมเชิงวัตถุที่กล่าวถึงแล้ว การสื่อสารแทบจะเป็นนามธรรมอันหนึ่งที่ผู้คนทั่วโลกหลงใหลตามกระแสกันอย่างบ้าคลั่ง ดูตัวเลขประชากรผู้ใช้เฟซบุ๊คและไลน์หรือสื่ออื่นๆมากมายจะเห็นได้ชัด
                   และที่เห็นตำตาก็คือทุกแห่งหนมีผู้คนต่างกำโทรศัพท์มือถือกันไปทั่ว และก้มหน้าจิ้มอักษรอย่างเมามัน อย่างไม่ทันระวังตัว มีบ้างบางคนก็สังเวยภัยจากยานพาหนะข้างถนนไปแล้ว เพราะมัวแต่ก้มหน้า
                   เรื่องที่เป็นโศกนาฎกรรมของผู้คนที่พ่อแม่ลูกที่นั่งรับประทานอาหารบนโต๊ะเดียวกัน แต่ก้มหน้าคุยกันผ่านสื่อดิจิดดอลหรือไลน์ ไม่ใช่เรื่องพูดเล่นเเต่เป็นเรื่องเศร้า..........ที่เกิดขึ้นจริง
                  แทนที่จะมานั่งมองหน้ามองตาคุยกัน ถามสารทุกข์สุกดิบกับ เพื่อให้ความรู้และแนวทางในการดำเนินชีวิตที่พ่อแม่จะพึงสอนให้ลูกได้ หรือไม่ก็มีเวลากอดกันดูหนังที่อยากดูด้วยกันสักเรื่องตามภาษาครอบครัวเดียวกัน
                   สังคมกระหืดกระหอบทำให้ความอบอุ่นในครอบครัวจางไปได้มากอย่างรวดเร็ว ทำให้ทุกคนจมไปกับโลกส่วนตัวหรือโลกออนไลน์หรือแล้วแต่จะเรียก
                   เพราะเอาเวลาไปเล่นกับผ่านสื่อมากเกินไป จนมีบริษัทน้ำดำยักษ์ใหญ่ระดับโลกออกมาทำโฆษณาต่อต้านสังคมคนก้มหน้าหลายต่อหลายตอนแล้วก็ตามที
                   แต่สังคมคนก้มหน้านี้ยากที่จะหยุดยั้งได้จริงๆ นับว่าเป็นสิ่งเสพติดของผู้คนร่วมสมัยนี้ทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่รุ่นแก่ลายครามก็ด้วย
                   สิ่งเหล่าน้พัฒนาอารมณ์ของผู้คนให้ใจร้อนรีบเร่งและพัฒนาอารมณ์ในทางที่ต่ำลงได้ง่าย แม้จะมีอยู่บ้างไปในทางสูง แต่จะมีกันสักเท่าไรที่จะพัฒนาจิตใจไปทางสูงได้ เพราะมัวแต่ยึดรูปและนามเช่นนี้
                   นักการเมืองทั่วโลกต่างใช้สื่อออนไลน์เป็นพลัง และเป็นกลยุทธแห่งทางให้ผู้คนอื่นๆใช้เป็นทางเลือกในการเข้ามาเป็นผู้มีอำนาจแห่งตน และก็ทำได้จริงๆในหลากประเทศที่ผ่านมา  ยกตัวอย่างเช่นประเทศสหรัฐอเมริกา
                   ความเชื่อ ความแตกต่างทางความคิด ความขัดแย้งจึงเกิดขึ้นได้อย่างมากมากมายและรุนแรงจากการเสพสื่อออนไลน์ผ่านสังคมกระหืดกระหอบนี้
                   ในเพจธรรมะหลายๆเพจที่งัดเอาพระไตรปิฎกมาถกกันมากจนแทบจะวางมวยกันผ่านทางสื่อก็มีให้เห็นกันมากมาย ที่เคยรักเคยชอบกันก็มาเกลียดกันจนหันหลังให้กัน ไม่มองหน้ากันแทบจะฆ่ากันตายก็มี เพราะการสื่อสารที่สั้นมากจนยากจะเข้าใจกันและเอาแต่เร็ว
                   เพราะหลงไปกับกระแสโลกจนลืมโลกแห่งความเป็นจริง หลงไปในอกุศลมูล หรือกิเลสมูลฐานอันมีโลภ โกรธ หลงที่ชักนำกิเลสอื่นๆให้ตามมา และเป็นไปอย่างรวดเร็วในสังคมกระหืดกระหอบในขณะนี้ สุดท้ายล้วนแต่เสียเปล่า ไม่เหลืออะไรเป็นชิ้นเป็นอันหรือสมบัติได้สักอย่างมีแต่อบายภูมิ ที่เป็นภูมิของเดรัจฉาน เปรต อสุรกายและนรกกที่เป็นปลายทาง
                   ในอีกด้านหนึ่งนั้น แม้จะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในทุกๆด้านได้อย่างมากเหลือล้น รวมทั้งการศึกษาเรียนรู้สิ่งต่างๆได้มากมายในหลายๆทางแม้กระทั่งความรู้ทางพุทธศาสนาที่มีข้อมูลอยู่มากล้นแก่ผู้สนใจในธรรมทั้งหลาย ที่มีสติสัมปชัญญะและรอดพ้นภัยแห่งสังคมกระหืดกระหอบหรือสังคมก้มหน้า และไม่ต้องไปให้หมอสั่งกายภาพบำบัดให้เสียเวลาและเสียทรัพย์ไปเปล่าๆ
                   ในครั้งพุทธกาลที่ไม่มีเครื่องมือสื่อสารอะไรเลยการเดินทางไปไหนก็ลำบากยากเข็ญกว่าสมัยนี้มากอย่างเทียบไม่ได้ แต่ก็มีอริยชนเกิดขึ้นมากมาย เพราะท่านเรียนรู้ทันจิตให้แตกฉานกว่าความรู้ใดๆทั้งปวง รู้ทันกิเลส ตัณหา อารมณ์ รู้แจ้งในตน รู้แจ้งในทุกข์ ที่มาแห่งทุกข์ สภาวะแห่งพุทธะที่ดับทุกข์ และหนทางแห่งการดับทุกข์ที่มีมรรคแปดหรืออริยมรรคเท่านั้น ที่ท่านขุดค้นได้จากตนจนเป็นอริยชน ชั้นพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี พระอรหันต์
                    ไม่ต้องรีบไม่ต้องก้มหน้า จนมันเร็วกว่าการสื่อสารใดๆในสังคมคนก้มหน้า ( สังคมกระหืดกระหอบ  )เพียงรู้จักการสื่อสารทางจิตที่มีสติเป็นองค์อุปการะเท่านั้นเอง

                                                               ธรรมะสวัสดี

                                                             สาธุชนคนกันเอง

                       โลกก็เป็นเช่นโลก ธรรมก็เป็นเช่นธรรม ในปัจจุบันกาล ท่านทั้งหลายเลือกเอาตามแต่ใจที่เป็นนายเถิด ขออนุโมทนาแด่สาธุชนคนกันเองและสาธุ

                                                               สะมะชัยโย
                       
                       แก่นธรรมครูบาอาจารย์

                       ความหลงความโกรธนี้... มันเป็นมูลรากของกิเลสพันห้า...? ตัณหาร้อยแปด เกิดความพอใจก็เพราะตัณหา...เกิ?ดความไม่พอใจก็เพราะตัณหา ความทุกข์เกิดขึ้นก็เพราะตัณหานี้แหละ...



 ...อดีตที่ล่วงมาแล้วไปกาลนาน จิตมันเอาอารมณ์นี้แหละมาคิด ตัดอดีต อนาคตเสีย.... เอาอารมณ์ปัจจุบัน ให้จิตดิ่งอยู่ในปัจจุบัน ...ธรรมทั้งหลายไหลมาจากเหตุ นำทุกข์ให้เสวยก็ตัวเหตุนี้แหละ? ให้กำหนดรู้เท่าเหตุ... เหตุดับแล้ว...ตัณหามันก็ดับไป ..




.กำหนดทุกข์เข้าๆ ให้รู้เท่าถึงสภาพของเหตุ แล้วอย่านำมาหมักไว้ในจิตใจ... พยายามสลัดออก สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย อะไรก็เอาเข้ามาไว้ในใจ...มันเด?ือดร้อน ...ละอยู่ที่ใจ วางอยู่ที่ใจนี้ ละ วาง รู้อยู่ที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย อารมณ์ทั้ง 5 คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ หรือกามารมณ์ทั้ง 5 มันก็ไหลออกไปจากใจนี้แหละ ...ให้รู้เท่าทันว่าเราจะตั้งอย?ู่ในศีล ตั้งอยู่ในธรรม จะทำกิจของตน...จะทำจิตของตนให้?มันสงบ พิจารณาอยู่อย่างนี้....




อดีตที่เป็นส่วนดีก็ตาม เป็นส่วนชั่วก็ตาม มันก็ผ่านไปแล้ว เราจะนำจิตของเรา...ไม่ต้องเกี่?ยวกับอดีต... ...อดีต อนาคต มันเกิดจากกายของเรานี้แหละ พยายามอย่าให้มันเข้ามาเกี่ยวข้?อง ถ้าเรากำจัดมันได้...เราก็สบาย ให้มีเฉพาะอารมณ์ปัจจุบัน... ...ความพอใจก็ดี ความไม่พอใจก็ดี ...มันต้องเอาออกจากใจของเรานี้? เหตุไม่ใช่นำออกจากที่อื่น... ให้นำออกจากใจของเรานี้ ถ้าใจผิด...ก็นำความผิดออกจากใจ? ไม่พอใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มีรูปเป็นต้น ...มันก็เกิดจากใจนี้แหละ เอาศีลนี้แหละ...นำออกจากใจ ...อดีตส่วนดีก็ดี ส่วนไม่ดีก็ดี มันก็นำเอามาคิด อันนี้สำคัญ... ถ้าเรารู้เท่าทันมันแล้ว มันก็จะดับไปหมด...




 ...นำออกจากใจเสีย ให้มันผ่องใสสว่าง รู้เท่าทันเหตุ ดับไป...มันก็รู้แจ้งมรรค รู้แจ้งก็รู้อยู่ภายในนี้แหละ จะไปรู้แจ้งที่ไหน รู้แจ้งอันนี้หมดแล้ว...ธาตุ 4 ขันธ์ 5 มันก็แล้วหมด รู้อย่างอื่นไม่ชื่อว่ารู้หมด รู้ทั่ว... ต้องรู้จักตนเอง กายใจของตนเองนี้แหละ... รูปอย่างอื่นที่มีอยู่ก็เป็นอย่?างเดียวกับกายนี้ รู้ความจริงอันเป็นสัจธรรมแล้ว.?.. ความทุกข์...ความเดือดร้อนก็ไม่?มี อันนี้ก็คือที่สุด... พวกนั้นไม่มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย ...เพราะไม่มีสมมติ ต้นไม้ เถาวัลย์ก็ตาม มีอยู่เฉพาะที่เรานี้ ที่เราสมมติเอา... เราอย่าไปยึดเอา ถือเอา วาง...ละ ให้มันหมด ...ความชั่วที่เกิดทางใจ เราก็นำออกจากใจ เอา " ศีล " คือ... แขนสอง ขาสอง หัวหนึ่ง นี้แหละนำออก ได้แก่การสำรวม ระวัง ไม่ละเมิดแม้โทษเพียงเล็กน้อย ...รู้จักที่เกิดของธรรม ที่ดับของธรรมแล้ว...ก็ใช้ได้ ต้องตัดอดีต อนาคต ให้เหลือปัจจุบันนี้ ร้ายก็ตาม ดีก็ตาม ส่วนมากมีกามตัณหาเป็นตัวนำ ภวตัณหาก็ดี วิภวตัณหาก็ดี...ทั้งสามนี้... เป็นตัวทำให้สัตว์โลกหมุนตัวเป็?นเกลียว ทั้งความพอใจ ทั้งความไม่พอใจ... ถ้าเกิดขึ้น...ให้นำออกเสึย ...นำออกจากจิตใจของเรานี้แหละ ไม่รัก...ไม่ชัง...ก็ใช้ได้.



ธรรมะจากหลวงปู่แหวน สุจิณโณ


                       หมายเหตุแก่นธรรมวันนี้
                       ๑. ผู้เขียนและคณะเป็นผู้เขลาทางปัญญา หากมีข้อผิดพลาดบกพร่อง ขอน้อมรับทุกประการ บุญกุศลที่เกิดจากบทความนี้ขอน้อมถวายแด่หลวงปู่ หลวงตา หลวงพ่อ ครูบาอาจารย์ และอุทิศให้แก่บรรพบุรุษ อันมีพ่อแม่ปู่ย่าตายายเป็นปฐม เจ้ากรรมนายเวร สรรพสัตว์ทั้งหลายในสากลโลกนี้ รวมทั้งท่านผู้อ่านทุกท่าน ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป
                       ๒. เพื่อนๆพี่น้องครับ ผ้าป่าแก่นธรรมสามัคคีฯที่ห่างหายกันไปนานหลายปี ขอจัดใหม่ในเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายนของปีนี้แล้วแต่หลวงพ่อเจ้าคุณเจ้าอาวาส จะไปทอดที่วัดสุนทรธรรมทาน( แค นางเลิ้ง )เพื่อบูรณะโบสถ์และก่อสร้างถาวรวัตถุทางธรรม และนำอีกส่วนหนึ่งไปบริจาคให้โรงพยาบาลจุฬา สภากาชาด เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยอนาถาที่มีจำนวนมากขึ้นทุกวันๆ ต่อชีวิตกันไป สามเณรในครั้งพุทธกาลยังรอดจากกรรมเก่าเพราะช่วยชีวิตปลาเลย
                       มาก่อกุศลกรรมร่วมกันเถอะครับ วันเวลาจะเเจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง การดำเนินการรูปแบบเดิม พบกันที่วัดนะครับเพื่อนๆพี่น้องแก่นธรรมทั้งหลาย อ้อกองทุนพระรัตนตรัยบริจาคแรกเริ่มสองหมื่นบาทถ้วนแล้วครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น