++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2558

ไขปริศนาพลังงาน .. ระบบแบ่งปันผลประโยชน์ : จากเพจ แฉ..ความลับ

16 ม.ค.58 ไขปริศนาพลังงาน..ระบบแบ่งปันผลประโยชน์ และระบบไทยแลนด์ทรีพลัส อย่างไหนดีกว่า ?

กรณีสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ไม่เห็นด้วยกับการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ของกระทรวงพลังงานนั้น ในกรณีนี้ สปช.ไม่ได้เสนอให้หยุดสร้างความมั่นคงทางพลังงาน แต่ให้ดูว่ามีรูปแบบใดที่เหมาะสมกว่า ซึ่งกระทรวงพลังงาน พิจารณาแล้วว่า " ระบบไทยแลนด์ทรีพลัส " ดีกว่า

เพราะเดิมการแบ่งปันผลประโยชน์ (PSC) คือ รัฐกับภาคเอกชนที่จะลงทุน ต้องเอาเงินมารวมกันเพื่อสำรวจ หากพบแหล่งพลังงาน จะมีการแอบงุบงิบเจรจาตกลงในรายละเอียด กับนายทุนเป็นรายกรณีไป แต่ในรูปแบบไทยแลนด์ทรีพลัสนี้ จะมีความโปร่งใสชัดเจน และสามารถตรวจสอบได้

หากเอกชนไม่ดำเนินการตามข้อตกลง รัฐสามารถสั่งระงับให้หยุดดำเนินการได้ โดย บิ๊กตู่ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ได้มอบให้กระทรวงพลังงาน ไปดูในรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อแก้ไขให้มีความรัดกุมมากขึ้น

---------------------------->
ที่แก๊งค์สภาท่าพระเสาร์ และกลุ่ม NGO ทุนพลังงานต่างชาติ ปั่นป่วนตอนนี้ ก็เพราะระบบไทยแลนด์ทรีพลัส จะทำให้พวกอีลิทต่างชาติเสียผลประโยชน์ เพราะระบบนี้ ระยะแรกนี้เป็นแค่ "การสำรวจ" เพราะมีโอกาสน้อยมาก ที่จะเจอพลังงาน ซึ่งกว่าจะเจอก็ไม่รู้อีกกี่ปี อาจ 2- 4 ปี ในอนาคต ก็เป็นได้

ขนาดเขาจะทำบ่อบาดาล ยังต้องสำรวจก่อนเลย ว่ามีน้ำใต้ดินเพียงพอจะใช้ระยะยาวหรือไม่ ไม่ใช่จู่เดินหน้าให้ขุดๆๆ เจาะบ่อบาดาลไปเลย คิดแบบนั้นคือหลอกต้มประชาชนแบบตลกร้าย เพราะเมื่อสำรวจพลังงานเจอ ก็ยังมีขั้นตอนต้องอนุมัติสัมปทานจากรัฐบาลอีกครั้ง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับช่วงการสำรวจนี้สักนิด

แล้วถ้าแก๊งค์สภาท่าพระเสาร์ และกลุ่ม NGO ทุนพลังงานต่างชาติ ไม่ให้ "สำรวจ" แล้วเมื่อไรจะหาเจอ ใจคอจะกดขี่ประชาชนไว้อย่างนี้ ไม่ให้ประชาชนเขามีโอกาส ลืมตาอ้าปาก จากแหล่งพลังงานใต้ผืนดินเขาเลยหรือไร และถ้าสำรวจเจอ จะกีดกันคนไทย ไม่ให้ใช้พลังงานของตนเอง เพื่อลดการนำเข้าต่างชาติ แล้วคนในชาติจะได้อะไร ??

------------------------------>
จะมีคนไทยสักกี่คนที่รู้ว่า " ระบบแบ่งปันผลประโยชน์ (PSC) " ประเทศไทย ได้ทดลองทำระบบนี้ มานานหลายสิบปีแล้ว ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยทำ พื้นที่ทำ PSC คือ พืนที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (Malaysia - Thailand Joint Development Area : MTJDA) ตามแผนที่รูปที่ 1

แต่ NGO ไม่เคยบอกประชาชนเลยว่า ไทยทำระบบ PSC นี้ แล้วมันไปไม่ไหว เพราะผลประโยชน์ตอบแทนให้กับชาติเปรียบเทียบกันแล้ว PSC ให้ต่ำกว่าระบบสัมปทานถึง 13% คลิ๊กไปดูที่ https://www.facebook.com/topsecretthai/posts/282025558654145

แล้วจะให้ทำเพื่ออะไร ?? ทำไมไม่อยากให้ชาติตนเองได้ประโยชน์มากกว่า แต่กลับเลือกวิธีที่ได้ประโยชน์น้อยๆ แถมรัฐต้องควักกระเป๋าลงขันร่วมกับเอกชน ให้เป็นภาระงบประมาณชาติกระเป๋าฉีกเข้าไปอีก มาเลเซีย เขาเก็บภาษีน้ำมันดูแลประชากรแค่ 29 ล้านคน แต่ไทยต้องเก็บภาษีน้ำมันดูแลประชากร 65 ล้านคน

ถ้าจะเปรียบเทียบผลประโยชน์ระบบ PSC กับ ระบบสัมปทาน ก็ต้องเปรียบเทียบที่ทำในประเทศไทยเหมือนกันเท่านั้น ไม่ใช่อ้างแต่เปรียบเทียบระบบสัมปทานของไทย กับ ระบบ PSC ของอีกประเทศหนึ่ง เปรียบมวยเขายังต้องเปรียบบนเวทีเดียวกันเลย เช่น เวทีลุมพินีเดียวกัน ไม่ใช่เปรียบเทียบมวยคนละเวที เช่น เวทีลุมพินี กับ เวทีราชดำเนิน

การเปรียบเทียบแบบนี้มันคนละเรื่องเดียวกัน เปรียบเทียบเถียงกันไปอีก 100 ปี มันก็ไม่มีวันได้ข้อสรุป แถมกลุ่มป่วนยังจะให้ชลอไปก่อน...ทำแบบนั้นเพื่ออะไร ? พอหลวงปู่จัดเวที พวกนี้ก็ไปป่วน ทำเละ จนไร้ข้อสรุป จนหลวงปู่ต้องหลบไปจัดเวทีที่วัดอ้อน้อย นครปฐม พวกป่วนลัทธิ PSC ไม่กล้าไปเข้าร่วม ที่ประชุมนั้นจึงได้ข้อสรุปออกมาจนได้

การปฏิรูปพลังงานเป็นสิ่งที่ต้องทำ และมีรายละเอียดที่ต้องคิดร่วมกันอีกเป็นปี ตามโรดแมป การเปิด "สำรวจ" พลังงานรอบใหม่ เดือนกุมภาพันธ์ 2558 ไทยก็ไม่ใช่การเสียเอกราชทางพลังงาน จะเจอพลังงานเมื่อไร เจอจุดพิกัดไหน เจอมากน้อยแค่ไหน ยังไม่มีใครรู้เลย

บางคนคิดง่ายๆ ว่าเมื่อปัญหามันเยอะก็ยกเลิกสัมปทานเสียเลย เก็บเอาไว้ให้ลูกหลานในอนาคต ไม่เห็นจะต้องเปิดสัมปทาน เมื่อไรประเทศไทยพร้อมก็ทำเองไม่เห็นจะต้องให้ต่างชาติมาลงทุน..ก็ต้องถามให้คิดกลับว่า แล้วทำไมคนเราอยากมีรถ มีบ้าน มีครอบครัว เป็นของตนเอง ทั้งที่นั่งรถเมล์ก็ได้ เช่าบ้านก็ได้ มีคู่ฉาบฉวยก็ได้ ??

ก็เพราะเราก็ต้องการมีชีวิตที่ดีขึ้นตอนนี้ไง และเราก็ต้องการ "ลดการนำเข้า" เพื่อเสียเปรียบดุลการค้าน้อยลง อีกทั้งถ้าเราต้องการเทคโนโลยีนั้น ถ้าไม่สำรวจตอนนี้ เราก็ "เรียนรู้เทคโนโลยีช้า" เพราะการเปิดสำรวจพลังงานนั้น จะมีการจ้างงานเพิ่มในประเทศหลายหมื่นอัตรา ลูกหลานไทยพวกนี้เขาเรียนจบเขาก็อยากมีงานทำทันที แล้วจะให้เขารอไปเมื่อไร ?? อีก 10-20 ปี ค่อยมาทำงานหรือ ??

------------------------------>
ระบบแบ่งปันผลผลิต (PSC) แบบที่หลายฝ่ายตั้งความฝันตำราฝรั่งพวกอีลิทปั่นให้เชื่อ ก็ไม่ได้การันตีว่า ประเทศชาติและประชาชนจะได้ประโยชน์สูงสุด ก็เหมือนรูปแบบการเลือกตั้งประชาธิปไตย 82 ปี ที่ผ่านมา และปรีดีกับคณะราษฎร ชิงอำนาจจากรัลกาลที่ 7 มา มันดีที่สุดสำหรับประชาชน หรือเปล่าล่ะ ??

รัฐบาล ที่มีกลไกรัฐก็มีข้อมูลว่า ระบบ "ไทยแลนด์ทรีพลัส" จะมีความโปร่งใสชัดเจน และสามารถตรวจสอบได้ รัฐไม่ต้องควักเนื้อจ่าย หากเอกชนไม่ดำเนินการตามข้อตกลง รัฐสามารถสั่งระงับให้หยุดดำเนินการได้ทันที สิ่งสำคัญคือ ธรรมาภิบาล ระบบ PSC ถ้าผู้ปกครองไม่มีธรรมาภิบาล ประเทศก็วินาศได้เหมือนกัน

มีกลุ่มบุุคคล "แก๊งค์แบ่งงานกันทำ ความเหมือนที่แตกต่าง" กำลังฉกฉวยประโยชน์จากความขัดแย้ง ประเด็นก้ำกึ่งกำกวมเหล่านี้ หวังพลิกฝ่ายอำนาจทุนนิยมตะวันตก สายอีลิท หากินบนการสร้างแตกแยกของคน "ผู้รักชาติ" ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เรียกร้องแต่ให้ชลอการสำรวจ

แค่เราช้าไปอีก 1-2 ปี สงครามใหญ่ก็จะเกิดอยู่รอมะร่อ ใครเขาจะมารอให้เกิดสงครามแล้วค่อยสำรวจนำมัน ตอนช่วงสงครามจะสำรวจได้ที่ไหนล่ะ ถ้ายิงกันตูมๆ ใส่กันไม่ยั้งขนาดนั้น ไปดูอิรัก ซีเรีย ยูเครน โน่น ยิงกันระเบิดระเบ้อ แล้วมันสำรวจแหล่งพลังงานใหม่ได้ไหมล่ะ ??

ทำไมคนไทยบางกลุ่ม ชอบ “ถ่วงเวลาหวังน้ำบ่อหน้า” ทั้งๆ ที่คนในชาติของเรา 65 ล้านคน เด็กๆ คนยากจน เขาอยากมีสวัสดิการชีวิตที่ดีขึ้น เวลาที่ผ่านไป 1-2 ปี จะหยุดชีวิตพวกเขาไว้แค่นั้นหรือ เราไม่อยากหารายได้เข้าประเทศ มาดูแลพวกเขาหรืออย่างไร ??

ถ่วงเวลาไปเพื่อหวังลึกๆ ให้นักการเมืองเลือกตั้ง มาจัดการผลประโยชน์พลังงานประเทศ แก๊งค์สภาท่าพระเสาร์ และกลุ่ม NGO ทุนพลังงานต่างชาติ จะรอก็รอไปเถอะ แต่รัฐบาลอนุรักษ์นิยมเขาไม่รอ เพราะเวลาทุกนาทีมันมีค่า จะมานั่งหาวหายใจทิ้งไป 1-2 ปีไม่ได้

ถ้ารักชาติ และทำเพื่อประชาชนจริง เคยไปถามประชาชนหรือไม่ ว่าประชาชนเขาอยากได้ระบบ PSC หรือ ระบบสัมปทาน ประชาชนเขาไม่รู้หรอก แต่ประชาชนเขาอยากได้ราคาน้ำมัน และราคาแก๊สถูกลง เพื่อลดค่าครองชีพของเขา ” ระบบไหนก็ได้ที่รัฐบาลทำให้พวกเขาใช้ของถูกลง”

ให้เอาใจเข้ามาใส่ใจเรา คิดถึงหัวอกประชาชน ที่กำลังรอความหวังจากรัฐบาลด้วย ประชาชนเขา “เบื่อพวกดีแต่พูด แต่ทีเวลาตัวเองทำไม่ได้สักเรื่อง” บางคนเคยเป็นอดีต รมต.คลัง สมัยเผาไทย ปูข้าวเน่า ไม่เคยทำอะไรสำเร็จเรื่องพลังงาน ที่ควรจะแก้ก็ไม่แก้ตอนรัฐบาลตัวเองมีอำนาจ

พอมาตอนนี้กลับเป็นอับดุล บอกรู้ทุกอย่าง ถามมา ตอบได้ เจ้ากี้เจ้าการบอกว่าต้องทำโน่น นี่ นั่น แล้วทำไมตอนตัวเองมีอำนาจไม่ยอมทำ ดีแต่พูด แล้วมี “ผลงานด้านพลังงานที่ประสบผลสำเร็จ” อะไรจากรัฐบาลเผาไทย มาบอกรัฐบาลอนุรักษ์นิยมตอนนี้ ??

------------------------------>
ในเมืองไทยคนยากจน คนด้อยโอกาส และประชาชน 65 ล้านคน เขาอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น “อยากกินอิ่ม นอนอุ่น” อยากมีสวัสดิการด้านสุขภาพ ด้านการศึกษา พวกเขาไม่ใช่กบ จะมาสั่งให้พวกเขาจำศีล 1-2 ปี รอนักการเมืองเลือกตั้ง เข้ามาจัดการพลังงาน พวกเขารอไม่ได้

ตัวอย่าง เช่น เงินอุดหนุนเลี้ยงดูเด็กเล็ก ที่มีข้อสรุปว่า จะจัดสรรช่วยเหลือครอบครัวยากจน หรือเกือบยากจน คือมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี หรือเดือนละไม่เกิน 3,000 บาท และเด็กที่จะรับเงินช่วยเหลือมีช่วงเด็กอายุ 0-1 ปีรายละ 400 บาทต่อเดือน

โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะพิจารณาวันที่ 20 มกราคมนี้ เบื้องต้นจะมีเด็กประมาณ 170,000 คน อยู่ในกลุ่มนี้ ใช้งบประมาณไม่เกิน 1,000 ล้านบาทต่อปี และจะทดลองดำเนินการ 1 ปี ก่อนเพื่อพิจารณาถึงความสำเร็จ รัฐบาลมีหน้าที่ต้องหารายได้เข้าคลังหลวง เพื่อดูแลเด็กๆ เหล่านี้ รัฐบาลไม่ว่าง เขียนใส่ร้ายโจมตีใครได้ทุกวัน เหมือนสภาท่าพระเสาร์

ในปีนี้ รัฐบาลอนุรักษ์นิยม ต้องหาเงินช่วยเหลือเด็กที่ครอบครัวยากจนอีกถึง 170,000 คน ใช้งบประมาณไม่เกิน 1,000 ล้านบาทต่อปี เงินนี้เราให้เด็กๆ ไทยของเรา ให้เขาได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี แบ่งเบาภาระพ่อแม่ที่ยากจน เราคนไทย ก็ต้องช่วยคนไทยที่ยากจนด้วยกันก่อน

ที่นักการเมืองเลือกตั้งโกงไป 6 - 7 แสนล้านบาท และแจกแท็บเล็ต กินค่าหัวคิวจัดซื้อหลายพันล้านบาท กลุ่ม NGO พลังงานว่ารูปแบบนี้เหมาะสมกับไทยแล้วหรือไม่ ? หรือไม่มีเงินทิปจากบริษัทพลังงานต่างชาติ เลยไม่เคลื่อนไหวเพรียกหาความถูกต้อง, เงินช่วยเหลือรายเดือน เด็กตัวน้อยๆ ตาดำๆ ที่หิวโหย และพ่อแม่ยากจน รัฐบาลอนุรักษ์นิยมจำเป็นต้องให้เด็กๆ

เด็กๆ ไม่ได้ผิดอะไร ที่เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน เพียงแต่พ่อแม่พวกเขาอาจผิด ที่หลงลมปากเลือกนักการเมืองเข้าไปโกง คอรัปชั่น จนเงินภาษีชาติไปอยู่ในกระเป๋านักการเมืองหมด ไม่มีโอกาสที่ภาษีประชาชนจะไหลไปถึงเด็กๆ ตาดำๆ เหล่านี้ นักการเมืองรังแก จิ๊กเงินจากเด็กๆ พวกนี้มานานถึง 82 ปีแล้ว

เชื่อมั่นว่าประชาชนส่วนใหญ่ ยินดีจ่ายภาษีจากคลังหลวงนี้ ให้กับลูกหลานเด็กๆ ของไทยด้วยกันเอง การจัดการ ก็โอนเงินตรงจากธนาคาร เข้าบัญชีของเด็ก ไม่ใช้เงินสด ไม่มีคูปองให้เกิดความเสี่ยง มาวัดกันสัก 8 ปี ระหว่างประชาธิปไตยแบบเลือกตั้ง กับแบบอนุรักษ์นิยม ว่าใครจะเห็นแก่คนจน ลดความเลื่อมล้ำ เลิกกดขี่จากคนรวยได้มากกว่ากัน

----------------------------
>
ที่เปรียบเทียบเรื่องเงินช่วยเหลือเด็กนี้ กำลังจะบอกว่าวิธีคิด และการจัดการปัญหาเดียวกัน ย่อมไม่อาจเหมือนกัน เช่น รัฐบาลเลือกตั้งประชาธิปไตย คิดวิธีการแก้ปัญหาเด็ก โดยรัฐบาลต้องจัดซื้อรถตู้แพงๆ เกินจริงหลายพันคัน ให้โรงเรียนทั่วไปเทศ , ต้องทำสนามฟุตซอลแพงๆ งบเป็นพันล้าน แต่ใช้งานไม่ได้ , ต้องจัดซื้อแท็บเล็ตพีซี งบหลายพันล้าน แจกให้เด็ก 1.5 ล้านคน และเจ๊งไปแทบหมดแล้ว

แต่รัฐบาลอนุรักษ์นิยมมองว่าแบบนั้นมันมีการทุจริต คอรัปชั่น เสียเงินภาษีชาติไปเข้ากระเป๋านักการเมือง ไม่เกิดประโยชน์ยั่งยืนกับเด็ก แต่ควรโอนจ่ายเงินเดือนเด็กๆ โดยตรงเข้าบัญชีให้พ่อแม่เด็กเขาไปเลย คล้ายๆ จ่ายเบี้ยยังชีพรายเดือนคนชรา

วิธีการจัดการผลประโยชน์พลังงานก็เช่นกัน สภาท่าพระเสาร์ และกลุ่ม NGO ทุนพลังงานต่างชาติ บอกว่าตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง ต้องใช้ระบบแบ่งปันผลผลิต (PSC) เท่านั้น อ้างว่าประชาชนจะได้ประโยชน์สูงสุด แต่รัฐบาลอนุรักษ์นิยม มองว่าระบบ PSC ประเทศไทย ก็ทดลองทำระบบนี้ มานานหลายสิบปีแล้ว

ที่พืนที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (Malaysia - Thailand Joint Development Area : MTJDA) ผลประโยชน์ตอบแทนให้กับชาติ ก็ให้ต่ำกว่าระบบสัมปทานถึง 13% แถมระบบนี้ ถ้ามาทำในประเทศระหว่างรัฐกับเอกชน ยังเปิดช่องให้เจรจางุบงิบใต้โต๊ะกับนักการเมือง เปลี่ยนแปลงเงินไขแบ่งปันผลประโยชน์ กันอย่างไรก็ได้ตามอำเภอใจ ถ้าเอาระบบนี้มาใช้กับไทย ในอนาคตนักการเมืองจะทุจริต โกงกันจนสิ้นชาติแน่

สิ่งที่สภาท่าพระเสาร์ , กลุ่ม NGO ทุนพลังงานต่างชาติ และ สนช.ให้ข้อเสนอ แต่รัฐบาลอนุรักษ์นิยม ที่ต้องสวมหมวกบริหาร มองรอบด้าน 360 องศากว่า ก็ไม่จำเป็นต้องเห็นเหมือนกัน เพราะปัญหาบางปัญหามัน “มีคำตอบมากกว่าหนึ่งคำตอบเสมอ” เช่น ถามว่ามีเงิน 10 บาท ซื้อขนมไป 2 บาท แม่ค้าจะทอนเงินมาเท่าไร ?

- ตอบว่าได้รับ 8 บาท ก็ถูก ถ้าเงินนั้นเป็นเหรียญ 10 บาท
- ตอบว่าได้รับ 3 บาท ก็ถูก ถ้าเงินนั้นเป็นเหรียญ 5 บาท จำนวน 2 เหรียญ
- ตอบว่าไม่ได้รับเงินทอนเลยสักบาท ก็ถูก ถ้าเงินนั้นเป็นเหรียญ 1 บาท จำนวน 10 เหรียญ

นี่แค่เงิน 10 บาทยังได้คำตอบถุกต้องถึง 3 คำตอบเข้าไปแล้ว..นับประสาอะไรกับการแก้ปัญหาของชาติ ที่ต้องดูแลประชาชน 65 ล้านคน !! แต่ถ้าใครยังมีข้อสงสัยอยากเปรียบเทียบ 2 ระบบนี้ในชัดๆ หมัดต่อหมัด เจาะทีประเด็น ก็ให้คลิ๊กไปอ่านที่ https://www.facebook.com/topsecretthai/posts/282025558654145 แล้วค่อยกลับมาคอมเม้นท์อีกที่ยังไม่สาย...อ่านแล้วจะตาสว่างขึ้นอีกเยอะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น