++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2558

ตายจากคน (ผู้หญิงแขก) ไปเกิดเป็นเปรตมาขอบุญอาตมาแล้วไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก

จากหนังสือของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
--------------
เรื่องที่ ๑๕๗ ตายจากคน (ผู้หญิงแขก) ไปเกิดเป็นเปรตมาขอบุญอาตมาแล้วไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก
"..อาตมาเดินทางไปภาคใต้เมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๗ ได้ไปพักที่บ้านพักของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ก่อนจะนอนอาตมาก็บูชาพระ คือบูชาความดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อบูชาพระแล้วก็นอน เมื่อนอนลงไปแล้วก็คิดถึงการเดินทางมาสายใต้คราวนี้ อารมณ์จิตก็น้อมนึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้าและนึกถึงความดีของท่านผู้มีพระคุณ คือบรรดาท่านบุพการีทั้งหลายที่ได้ปกป้องคุ้มครองรักษาผืนแผ่นดินไทยนี้ไว้ให้พวกเราได้อาศัยมาจนถึงปัจจุบันนี้ และคิดถึงองค์สมเด็จพระบรมครูทรงกล่าวว่า "โลกนี้ไม่มีอะไรทรงตัว" ทุกชาติทุกภาษาทุกกาลทุกสมัยต้องตายไปหมด แม้แต่ในสมัยที่องค์สมเด็จพระจอมไตรทรงพระชนม์อยู่ก็เหมือนกัน พอคิดอย่างนี้ใจก็สบาย เห็นว่าร่างกายของเรานี้ไม่ช้าไม่นานเท่าไรมันก็จะสิ้นไป ทำท่าว่าจะหลับ ปรากฏว่าพบผีผู้หญิงแขกประมาณ ๓๐-๔๐ คน แต่งตัวเป็นสาวแขกธรรมดา เป็นพวกนับถือศาสนาอิสลาม หัวหน้ายกมือไหว้ทั้งหมดก็ยกมือไหว้
จึงถามว่า "เมื่อเธอนับถือศาสนาอิสลามแล้วมาไหว้พระในพระพุทธศาสนานี่ ไม่เป็นการผิดระเบียบของศาสนาเธอหรือ" เธอตอบว่า "เป็นผีไม่ผิด เพราะว่าผีต้องการอย่างเดียว คือความดีของผู้ที่เราจะเข้าไปไหว้" จึงถามว่า "อาตมามีความดีอะไร" เธอตอบว่า "ความดีที่เห็นง่ายๆ ก็คือ ผีมาท่านเห็นได้" ก็บอกว่า "ก็เธอทำให้ฉันเห็นนี่ ฉันก็เห็นซิ ถ้าเธอไม่ทำให้ฉันเห็น ฉันจะเห็นได้อย่างไร" เธอตอบว่า "คนทั้งหลายทำให้เห็นมามากแล้วไม่มีใครเห็น พระในพระพุทธศาสนาก็มากมายแสดงให้ปรากฏก็ไม่ยอมเห็น บรรดาแขกด้วยกันแสดงให้ปรากฏก็ไม่เห็น"
ถามว่า "พวกเธอไม่ได้ตกนรกรึ ศาสนาของเธอแนะนำให้ลงนรกมากกว่าไปสวรรค์ เพราะว่าการจะกินอะไรก็ต้องฆ่าด้วยมือเอง ถือว่าสัตว์เป็นอาหารของชาวบ้าน" เธอตอบว่า "กิจการฆ่านั้นส่วนใหญ่เป็นเรื่องของผู้ชายไม่ใช่เรื่องของผู้หญิง ผู้ชายเขาทำและผู้หญิงก็ทำต่อ ฉะนั้นพวกฉันจึงเลียบๆ เคียงๆ อยู่ใกล้นรก" แสดงว่าพวกเธอเป็นเปรตแต่ว่าเป็นเปรตระดับเบาเพราะไม่ได้ลงมือฆ่าสัตว์เอง ได้ถามว่า "พวกเธอมาเพื่อประสงค์อะไร"
เธอตอบว่า "เธอตั้งใจจะมาขอบุญกุศล" จึงถามว่า "บุญในศาสนาพุทธจะเข้าไปถึงคนในศาสนาอิสลามได้อย่างไร" เธอตอบว่า "ศาสนาไหนไม่สำคัญ เป็นผีแล้วรับได้หมด แม้แต่นรกสวรรค์ก็ไม่ได้แยกนรกแขก นรกไทย จะเป็นศาสนาไหนก็ตามลงนรกเดียวกัน ขึ้นสวรรค์ก็เขตเดียวกัน เป็นพรหมก็เหมือนกัน ถ้าบุญถึง" อาตมาเห็นหน้าพวกเธอเศร้าๆ เลยเห็นใจบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นละก็อย่าพูดมากเลย เดี๋ยวเธอจะอยู่ไม่ได้นาน ให้ตั้งใจโมทนา" อาตมาจึงได้อุทิศส่วนกุศลว่า "ผลบุญใดพึงให้ประโยชน์ความสุขแก่เราเพียงใด ขอเธอทั้งหลายจงโมทนาส่วนกุศลนี้และจงได้รับประโยชน์และความสุขเช่นเดียวกับเราจะพึงได้รับนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป"
บรรดาสาวแขกทั้งหลายก็พากันกราบ ๓ ครั้ง กราบครั้งแรกเงยหน้าขึ้นมาเห็นภาพเดิม กราบครั้งที่สองก็เห็นภาพเดิม พอกราบครั้งที่สามเงยหน้าขึ้นมาคราวนี้แพรวพราวไปด้วยเครื่องประดับ อาตมาถามว่า "เธอจะไปไหน" เธอตอบว่า "ไปเป็นบริวารเขาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ก็ยังดีกว่าเป็นสัตว์นรก และเป็นบริวารของเทวดาก็ดีว่าเป็นหัวหน้าของคนในเมืองมนุษย์" เธอบอกอีกว่า "จากนี้ไปเธอมีความสุข"
ในเมื่อบรรดาสาวน้อยและสาวใหญ่ทั้งหลายเปลี่ยนกายจากคนเป็นเทวดา ด้วยอำนาจปัตตานุโมทนามัย เป็นการพิสูจน์ว่าคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ไร้ผล เพราะพระองค์ทรงกล่าวว่า "บุญย่อมเกิดขึ้นได้ด้วยอำนาจปัตตานุโมทนามัย คืออนุโมทนาในความดี ยินดีกับความดีที่บุคคลอื่นทำแล้ว เป็นกิริยาที่ทำให้เกิดบุญ และเป็น ๑ ในพรหมวิหาร ๔ คือตัวมุทิตา
เป็นอันว่าทุกคนที่เกิดมาในโลกมนุษย์ ถึงแม้จะมีเชื้อชาติ รูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ ภาษา แตกต่างกันไปก็ตาม จะเป็นชนชาติใด ภาษาใด ศาสนาใดก็ตาม ในที่สุดก็ต้องตายเหมือนกันหมด เมื่อตายแล้วก็ต้องไปเกิดใหม่ทุกคน ดังที่องค์สมเด็จพระบรมครูตรัสไว้ว่า "ตายแล้วไม่สูญ" และแดนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแดนนรก แดนสวรรค์ แดนพรหม และแดนพระนิพพาน ก็เป็นที่เดียวกัน ไม่มีการแยกนรกแขก นรกไทย สวรรค์ก็เขตเดียวกัน เป็นพรหมก็เหมือนกัน ถ้าบุญถึงเขตนั้น.."

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น