Prapas Cholsaranon
นำเรื่องที่ทำให้อิ่มเอมใจที่สุดมาเล่าสู่กันฟังครับ
"พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก"
ซีรีย์เรื่องยิ่งใหญ่ที่เกิดจากศรัทธาอันแรงกล้าของดร.บีเค โมดี้ มหาเศรษฐีชาวอินเดียที่ปรารถนาจะสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับพระพุทธเจ้ามาตั้งแต่ตัวเขายังอายุเพียง 24 ปี บัดนี้สร้างเสร็จแล้วครับ
ต้องสารภาพว่าในตอนแรกที่มีคนนำซีรีย์ชุดนี้มาชักชวนให้ผมดู แม้จะมีความสนใจในพระศาสนาอยู่แต่ก็คิดเอาเองว่าคงเป็นเหมือนหนังอินเดียที่ผมเคยดูเมื่อนานมาแล้ว นั่นคือคงจะเต้นกันทั้งเรื่องและคงเดินเรื่องอืดอาด และโปรดั๊กชั่นไม่สมจริงตามประสาละครทีวี หรือไม่ก็คงเป็นออกไปทางสารคดีเพราะเป็นพุทธประวัติ แต่ทันทีที่เปิดดูความคิดเดิมก็มลายหายไปหมด ผมดูละครเรื่องนี้ด้วยความตื่นใจและเมื่อดูตอนแรกจบไป ผมแทบรอไม่ได้ที่จะขอตอนที่สองและสามดูต่อทันที
ต้องบอกเลยว่า ซีรีย์ที่เกิดจากแรงศรัทธาสร้างของดร.โมบี้เรื่องนี้ เป็นซีรีย์ที่น่าสนใจมากเรื่องหนึ่ง และนับเป็นการสร้างภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าที่ต้องพูดถึงไปอีกนาน
ทางหนึ่งสำหรับชาวพุทธที่ค่อนข้างเหินห่างจากพระศาสนา หรือชาวพุทธรุ่นใหม่ที่ไม่เคยรู้เรื่องราวของพระองค์ท่านโดยเฉพาะเยาวชน ผมเชื่อว่าพวกเขาจะได้รับรู้พุทธประวัติชนิดเข้าใจได้ง่ายๆ เพราะผู้สร้างเขาสร้างออกมาได้สมจริงมาก และที่สำคัญไม่มีความน่าเบื่อเลย เขาใช้การเดินเรื่องเหมือนละครซีรีย์มาเล่าเรื่องพุทธประวัติอย่างตื่นเต้นเร้าใจ
อาจมีความแตกต่างกันบ้างในรายละเอียดของพุทธประวัติที่เราเคยรู้ แต่ภาพรวมทั้งหมดคล้ายกัน(ได้ยินมาว่า ดร.โมบี้ได้ให้คนรวบรวมและศึกษาพุทธประวัติจากหลายๆแห่งทั่วโลกก่อนจะเขียนบทร่วม 30 ปี)
ทางที่สองสำหรับชาวพุทธที่ใกล้ชิดกับพระศาสนา ละครเรื่องนี้จะทำให้เราได้เห็นอีกมุมมองหนึ่งของชาวพุทธอินเดียที่แวดล้อมไปด้วยฮินดูว่าเขานึกคิดและตีความถึงพระพุทธเจ้าอย่างไร
บทหลายตอนเขียนได้ดีมากๆ ตอนหนึ่งที่ผมดูแล้วถึงกับน้ำตาคลอด้วยความปิติ นั่นคือตอนที่พระพุทธเจ้าประสูติ ผมชอบการตีความเรื่องการประสูติแล้วมีดอกบัวเจ็ดดอกมาบานรับการก้าวเดินของพระพุทธเจ้าของซีรีย์เรื่องนี้ เขาเขียนบทได้ลึกซึ้งจริงๆ
ละครเรื่องนี้ได้รับรางวัลเอเชี่ยนเทเลวิชั่นอะวอร์ด สาขากำกับภาพยอดเยี่ยม ใครได้ดูก็ต้องบอกว่าการถ่ายทำ ฉากและเครื่องแต่งกายนี่สวยจริงๆ ยิ่งมีเทือกเขาหิมาลัยเป็นฉากหลังและนักแสดงเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาเป็นแขกทั้งหมดยิ่งเหมือนพาเราไปยืนอยู่ในกรุงกบิลพัสดุ์เมื่อสองพันหกร้อยปีก่อน
และหลังจากได้ดูไปสามสี่ตอน ความรู้สึกปิติมันก็มีมากขึ้นจนอยากเขียนอะไรสักอย่าง จึงได้ขอเขาแต่งเพลงขึ้นเพลงหนึ่ง ชื่อเพลง"พระพุทธเจ้า"เพื่อใช้เป็นending ของละครทุกตอน โดยขออนุญาตนำทำนองมาจากดนตรีประกอบสั้นๆท่อนหนึ่งในละครเรื่องนี้ที่แต่งโดยนักดนตรีชาวอินเดีย
ผมเขียนเพลงนี้เสร็จภายในวันสองวัน ขั้นตอนการเขียนเพลงนี้ไม่เหมือนเพลงอื่น ผมตั้งใจทำอย่างนี้เลยครับ เริ่มต้นด้วยการอาบน้ำชำระกายให้สะอาดและก็มานั่งสวดมนต์ไหว้พระ แล้วจึงมานั่งเขียน รู้สึกสงบจริงๆ
เขียนเสร็จแล้วก็รู้สึกปิติเหมือนได้ร่วมสร้างวัดๆหนึ่ง ที่มีผู้คนมากมายมาร่วมกันสร้างถวายพระศาสนา ลองฟังกันดู
https://www.youtube.com/watch?v=R0V6eiIrbkY&feature=youtu.be
พร้อมฉายแล้วครับ ขอประชาสัมพันธ์ให้รู้ทั่วกัน ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ 10:00 ที่ช่อง1เวิร์คพอยท์ เริ่มเสาร์ที่ 7 เป็นตอนแรก(ละครมี 55 ตอน)
ชักชวนบอกต่อให้ผู้คนมาดูมาเรียนรู้พุทธประวัติกันเยอะๆนะครับ
ธรรมทานนั้นย่อมดีกว่าทานทั้งปวง
นำเรื่องที่ทำให้อิ่มเอมใจที่สุดมาเล่าสู่กันฟังครับ
"พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก"
ซีรีย์เรื่องยิ่งใหญ่ที่เกิดจากศรัทธาอันแรงกล้าของดร.บีเค โมดี้ มหาเศรษฐีชาวอินเดียที่ปรารถนาจะสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับพระพุทธเจ้ามาตั้งแต่ตัวเขายังอายุเพียง 24 ปี บัดนี้สร้างเสร็จแล้วครับ
ต้องสารภาพว่าในตอนแรกที่มีคนนำซีรีย์ชุดนี้มาชักชวนให้ผมดู แม้จะมีความสนใจในพระศาสนาอยู่แต่ก็คิดเอาเองว่าคงเป็นเหมือนหนังอินเดียที่ผมเคยดูเมื่อนานมาแล้ว นั่นคือคงจะเต้นกันทั้งเรื่องและคงเดินเรื่องอืดอาด และโปรดั๊กชั่นไม่สมจริงตามประสาละครทีวี หรือไม่ก็คงเป็นออกไปทางสารคดีเพราะเป็นพุทธประวัติ แต่ทันทีที่เปิดดูความคิดเดิมก็มลายหายไปหมด ผมดูละครเรื่องนี้ด้วยความตื่นใจและเมื่อดูตอนแรกจบไป ผมแทบรอไม่ได้ที่จะขอตอนที่สองและสามดูต่อทันที
ต้องบอกเลยว่า ซีรีย์ที่เกิดจากแรงศรัทธาสร้างของดร.โมบี้เรื่องนี้ เป็นซีรีย์ที่น่าสนใจมากเรื่องหนึ่ง และนับเป็นการสร้างภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าที่ต้องพูดถึงไปอีกนาน
ทางหนึ่งสำหรับชาวพุทธที่ค่อนข้างเหินห่างจากพระศาสนา หรือชาวพุทธรุ่นใหม่ที่ไม่เคยรู้เรื่องราวของพระองค์ท่านโดยเฉพาะเยาวชน ผมเชื่อว่าพวกเขาจะได้รับรู้พุทธประวัติชนิดเข้าใจได้ง่ายๆ เพราะผู้สร้างเขาสร้างออกมาได้สมจริงมาก และที่สำคัญไม่มีความน่าเบื่อเลย เขาใช้การเดินเรื่องเหมือนละครซีรีย์มาเล่าเรื่องพุทธประวัติอย่างตื่นเต้นเร้าใจ
อาจมีความแตกต่างกันบ้างในรายละเอียดของพุทธประวัติที่เราเคยรู้ แต่ภาพรวมทั้งหมดคล้ายกัน(ได้ยินมาว่า ดร.โมบี้ได้ให้คนรวบรวมและศึกษาพุทธประวัติจากหลายๆแห่งทั่วโลกก่อนจะเขียนบทร่วม 30 ปี)
ทางที่สองสำหรับชาวพุทธที่ใกล้ชิดกับพระศาสนา ละครเรื่องนี้จะทำให้เราได้เห็นอีกมุมมองหนึ่งของชาวพุทธอินเดียที่แวดล้อมไปด้วยฮินดูว่าเขานึกคิดและตีความถึงพระพุทธเจ้าอย่างไร
บทหลายตอนเขียนได้ดีมากๆ ตอนหนึ่งที่ผมดูแล้วถึงกับน้ำตาคลอด้วยความปิติ นั่นคือตอนที่พระพุทธเจ้าประสูติ ผมชอบการตีความเรื่องการประสูติแล้วมีดอกบัวเจ็ดดอกมาบานรับการก้าวเดินของพระพุทธเจ้าของซีรีย์เรื่องนี้ เขาเขียนบทได้ลึกซึ้งจริงๆ
ละครเรื่องนี้ได้รับรางวัลเอเชี่ยนเทเลวิชั่นอะวอร์ด สาขากำกับภาพยอดเยี่ยม ใครได้ดูก็ต้องบอกว่าการถ่ายทำ ฉากและเครื่องแต่งกายนี่สวยจริงๆ ยิ่งมีเทือกเขาหิมาลัยเป็นฉากหลังและนักแสดงเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาเป็นแขกทั้งหมดยิ่งเหมือนพาเราไปยืนอยู่ในกรุงกบิลพัสดุ์เมื่อสองพันหกร้อยปีก่อน
และหลังจากได้ดูไปสามสี่ตอน ความรู้สึกปิติมันก็มีมากขึ้นจนอยากเขียนอะไรสักอย่าง จึงได้ขอเขาแต่งเพลงขึ้นเพลงหนึ่ง ชื่อเพลง"พระพุทธเจ้า"เพื่อใช้เป็นending ของละครทุกตอน โดยขออนุญาตนำทำนองมาจากดนตรีประกอบสั้นๆท่อนหนึ่งในละครเรื่องนี้ที่แต่งโดยนักดนตรีชาวอินเดีย
ผมเขียนเพลงนี้เสร็จภายในวันสองวัน ขั้นตอนการเขียนเพลงนี้ไม่เหมือนเพลงอื่น ผมตั้งใจทำอย่างนี้เลยครับ เริ่มต้นด้วยการอาบน้ำชำระกายให้สะอาดและก็มานั่งสวดมนต์ไหว้พระ แล้วจึงมานั่งเขียน รู้สึกสงบจริงๆ
เขียนเสร็จแล้วก็รู้สึกปิติเหมือนได้ร่วมสร้างวัดๆหนึ่ง ที่มีผู้คนมากมายมาร่วมกันสร้างถวายพระศาสนา ลองฟังกันดู
https://www.youtube.com/watch?v=R0V6eiIrbkY&feature=youtu.be
พร้อมฉายแล้วครับ ขอประชาสัมพันธ์ให้รู้ทั่วกัน ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ 10:00 ที่ช่อง1เวิร์คพอยท์ เริ่มเสาร์ที่ 7 เป็นตอนแรก(ละครมี 55 ตอน)
ชักชวนบอกต่อให้ผู้คนมาดูมาเรียนรู้พุทธประวัติกันเยอะๆนะครับ
ธรรมทานนั้นย่อมดีกว่าทานทั้งปวง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น