++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2558

เหตุเกิดที่สถานฑูตเยอรมัน

" ไม่ให้เกียรติกันอย่างนี้ก็ไม่ต้องมาคุยกัน "
เหตุการณ์ที่สถานทูตเยอรมันวันนี้

ในบรรดาเจ้าหน้าที่สถานทูตที่คนไทยจะต้องไปขอวีซ่านั้น เยอรมันเป็นสถานที่ขึ้นชื่อเรืองนามที่สุดว่าเจ้าหน้าที่กระด้าง ไร้ความปรานี ถึงขั้นดูถูกคนไทยด้วยภาษา แววตา กิริยาที่ค่อนข้างแย่มาก

เหตุการณ์เมื่อเช้านี้ ผมแทบไม่เชื่อเลยว่าจะเกิดขึ้นกับผู้ใหญ่ที่เป็นปูชนียบุคคลของประเทศ เป็นบุคคลที่ผมกล้าพูดได้เลยว่าเดินไปแห่งหนตำบลไหนของประเทศไทยก็มีแต่คนยกมือไหว้ด้วยความเคารพ อาจจะถึงขั้นบูชาเสียด้วยซ้ำ เพราะท่านเป็นปราชญ์แห่งแผ่นดิน เป็นราษฎรอาวุโส เป็นอะไรอีกมากมายที่ผมจาระไนไม่หมด

นอกจากในประเทศไทยแล้ว ท่านยังเป็นบุคคลสำคัญของโลกคนหนึ่งก็ว่าได้ เนื่องจากคุณงามความดี และผลงานในระดับโลกที่ท่านได้สร้างเอาไว้นั้นมากมายเกินกว่าจะสาธยายได้หมด รางวัลต่างๆ ที่นานาประเทศบรรจงมอบให้ท่านนั้นก็มากมายกว่าใคร

หากแต่ ประสบการณ์ที่ได้พบมาด้วยตัวเองเมื่อเช้านี้ มันย้อนอะไรหลายอย่างในตัวคนไทยด้วยกันเองว่า สังคมของเราได้เปลี่ยนไปมากอย่างเหลือเชื่อ วัฒนธรรมของคนไทยที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นสยามเมืองยิ้มนั้นแทบจะไม่ต้องพูดถึง การเคารพนบนอบต่อผู้หลักผู้ใหญ่นั้นก็แทบจะอันตรธานหายไปอย่างน่าเศร้า

ท่านมีเรื่องจะต้องเดินทางไปที่ประเทศเดนมาร์กตามคำเชิญของผู้ดูแล archive และร่วมชมพันธุ์ไม้หายากของ Gunnar Seidenfaden อดีตท่านทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย และ botanist ชื่อดังของโลกที่เมือง Copenhagen เพื่องานวิจัยของทั้งสองประเทศ เนื่องจากเป็นพันธุ์กล้วยไม้หายากหลายชนิดที่ยังไม่มีข้อมูลและชื่อพันธุ์ไม้ จึงเฝ้าเรียนเชิญอาจารย์มาหลายปี

หลังจากเดนมาร์กท่านได้รับเชิญจากประธานกล้วยไม้โลกให้เดินทางมาร่วมงาน European Orchid Show and Conference 2015 ที่ Kew Gardens London และได้รับเชิญให้เป็นผู้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีปิดด้วย

หลังจาก EOC 2015 ท่านได้รับเชิญให้ไปร่วมงาน Messe ที่เมือง Frankfurt ประเทศเยอรมนี เพื่อเป็นตัวแทนของคนไทยในการไปรับ Royal Violin ที่สร้างโดย Violin Atelier's ระดับมาสเตอร์ของโลก Stefano Trabucchi

ไวโอลิน ที่สร้างขึ้นมานี้เพื่อถวายพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โดยมีการออกแบบอักษรย่อพระนาม ภปร. และเขียนขึ้นมาแบบวิธีโบราณของช่างอิตาเลียน และขอมอบให้ท่านอาจารย์ระพี สาคริก ในฐานะตัวแทนคนไทย เพื่อนำกลับประเทศไทย

โดยปกติแล้วท่านอาจารย์เป็นคนที่ทำงานติดดินในทุกเรื่อง และไม่ชอบระบบไหว้วานหรือฝากให้ใครทำอะไรด้วยวิธีการพิเศษ ในการขอวีซ่าไปแต่ละประเทศท่านเองจึงไปตามสถานที่ต่างๆด้วยตัวเองตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อต้นปีที่ผ่านมาท่านได้เดินทางไปรับรางวัลเหรียญทองเชิดชูเกียรติสูงสุดของสมาคมกล้วยไม้โลกที่ประเทศอเมริกาใต้ ไล่เรียงกับการเดินทางไปเปิดงานกล้วยไม้ที่ประเทศญี่ปุ่น ณ เมือง Okinawa ซึ่งท่านรับเชิญไปเปิดงานให้มาตลอด 29 ปีที่ผ่านมา ถัดมาอีกสองอาทิตย์ก็เดินทางไปเปิดงาน Taiwan International Orchid Show ที่ท่านเองเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นที่ปรึกษามาโดยตลอด

เหตุการณ์ที่สถานทูตเยอรมันเมื่อเช้านี้ เป็นเจ้าหน้าที่เด็กคนไทยเป็นชายอายุประมาณสามสิบ ซึ่งมาถึงก็ไล่ให้เจ้าหน้าที่ผู้ช่วยจากกรมที่เป็นผู้เตรียมเอกสารให้ออกไปจากห้อง คงเหลืออาจารย์และผู้ร่วมเดินทางอีกคนหนึ่งคือผมในฐานะเลขาและพยาบาลส่วนตัวเพื่อสัมภาษย์ในห้องหมายเลข 10

คำถามแรกก็คืออายุเท่าไร โสด หรือสมรส แล้วมีลูกกี่คน เมื่อท่านตอบแต่ละคำถามเสร็จก็เจอคำถามถัดมาว่า " นี่อายุขนาดนี้แล้วจะไปทำไม? มีใบตรวจร่างกาย และประกันชีวิตรึเปล่า?

อาจารย์ท่านได้นิ่งไปตั้งแต่คำถามนี้ และผู้ติดตามซึ่งเป็นผมเองในฐานะเลขาจึงตอบให้ว่า ท่านเป็นประธานสภามหาวิทยาลัยอาศรมศิลป์ และปัจจุบันเป็นที่ปรึกษากรมวิชาการเกษตร ก็ได้รับการยิงคำถามกลับมาว่าแล้วทำไมไม่เอาใบรับรองมา ไม่มีใบรับรองเงินเดือน ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างหงุดหงิด ผมจึงตอบให้ว่าขอโทษนะครับทั้งสองตำแหน่งไม่ใช่ตำแหน่งที่มีรายได้ เจ้าหน้าที่คนเดิมก็เปลี่ยนไปเรื่องว่าทำไมไม่มีใบรับรองการตรวจร่างกาย ซึ่งทางสถานทูตบังคับให้ไปตรวจเฉพาะที่โรงพยาบาล BNH และต้องตรวจกับแพทย์ที่เขาระบุเท่านั้น

ผมก็ได้อธิบายไปแล้วว่าเมื่อเช้าตื่นแต่เช้าและได้แวะไปโรงพยาบาลดังกล่าวมาให้แล้ว แต่แพทย์ที่มีชื่อตามที่ระบุนั้นวันนี้ไม่เข้าเวรและสถานทูตให้คิวมายื่นเรื่องวันนี้ ส่วนเรื่องประกันชีวิตนั้นท่านมีอยู่แล้วรวมทั้งการประกันเดินทางจากบัตร wisdom ที่ท่านอาจารย์ใช้อยู่ เขาก็แสดงสีหน้าไม่พอใจและบอกว่า ไม่มีเอกสารตามนี้ก็ยื่นเรื่องให้ไม่ได้หรอก พร้อมกับผลักกองเอกสารมาที่พวกเราเหมือนกับเป็นการไล่ประมาณนั้น

ในขณะเดียวกันก็เห็นจดหมายรับรองจากบริษัท Lips Publishing จึงเริ่มคำถามใหม่ด้วยภาษาอย่างนี้ว่า "แล้วนี่อ่ะ เป็นอะไรกับหนังสือลิปส์" ผมอธิบายให้ว่า บริษัทและสำนักพิมพ์ออกใบรับรองค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ เพราะท่านเป็นที่ปรึกษาและสำนักพิมพ์ตั้งใจจะร่วมเดินทางไปทำ scoop เพื่อนำกลับมาเผยแพร่

ถึงตรงนี้คุณพ่อก็ลุกขึ้นแล้วบอกว่านี่คุณเป็นคนไทยรึเปล่า ทำไมถึงไม่สุภาพ ผมตั้งใจทำงานเพื่อส่วนรวมนะ แล้วผมก็ช่วยประเทศเยอรมันมาตั้งหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการตลาดของกล้วยไม้ เมื่อปีที่แล้วเขายังเชิญผมไปช่วยที่เมือง Dressdren เลย ....มาซักหรือสอบสวนกันขนาดนี้ผมไม่เอาแล้ว ...แล้วก็ลุกเดินออกไปจากห้อง

เมื่อออกมาถึงหน้าห้อง เจ้าหน้าที่คนเดิม ก็วิ่งหน้าซีดตามมาแล้วบอกว่า "นี่อ่ะ เดี๋ยวจะรับเรื่องไว้ก่อนก็ได้ ให้เข้าไปพิมพ์นิ้วมือ"

ท่านตอบกลับไปว่า "ผมไม่เอาแล้ว ผมไม่อยากได้ ไม่ให้เกียรติกันอย่างนี้ก็ไม่ต้องมาคุยกัน"

แล้วก็ขึ้นรถกลับบ้าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น